ถอดรองเท้าเรียกค่าไถ่
เมื่อผู้กั้นประตูเงินตกลง เปิดทางให้ผ่าน เจ้าบ่าวก็ขึ้นบันไดไปสู่ขอประตูทองเพื่อเข้าไปในตัวเรือน ในช่วงนี้ จะมีคนแย่ง กันถอดรองเท้าให้เจ้าบ่าว เพราะสามารถนำไปซ่อน เพื่อขอค่าไถ่ได้ในภายหลัง คือเมื่อขึ้นไปทำพิธี บนบ้านเสร็จแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องลงมาข้างล่าง เพื่อทักทายแขก หรือทำการ ปลูกต้นกล้วยต้นอ้อยร่วมกัน ผู้นำรองเท้าไปซ่อนจะเรียกค่าไถ่จากเจ้าบ่าวจนเป็นที่พอใจ จึงจะนำมาคืนให้ เป็นการหยอกล้อกัน เพื่อความสนุกสนาน
ก่อนขึ้นบ้านน้องเจ้าสาว จะทำหน้าที่ล้างเท้าให้เจ้าบ่าว ซึ่งทำพอเป็นพิธีเท่านั้น และเจ้าบ่าวต้องให้ซองเงิน หรือของแถมพกเป็นรางวัล
สำหรับด่านสุดท้ายหรือประตูทองนั้น ผู้ที่ทำการปิดกั้นส่วนใหญ่จะเป็นพี่หรือน้องของเจ้าสาว สิ่งที่ใช้กั้น อาจเป็นแพรอย่างดี หรือจะใช้สร้อยทองดึงชายไว้คนละมุมก็ได้ เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะถามว่า “นี่ประตูอะไรจ๊ะ” ตอบว่า “ประตูทอง” เฒ่าแก่จึงให้ซองหรือของแถมพกอย่างเอกเพื่อขอผ่านทาง
ของแถมพกหรือซองเงินที่ใช้ผ่านประตูทองนี้ จะมีราคาสูงกว่า ๒ ประตูแรก บางครั้งถ้าฐานะดี ฝ่ายเจ้าบ่าว อาจใช้สร้อยทอง หรือแหวนทอง เป็นค่าผ่านก็มี
เมื่อได้ของแถมพกแล้ว ผู้ปิดกั้นหรือเฒ่าแก่ฝ่ายหญิงจะถามเฒ่าแก่ฝ่ายชายว่า “ท่านทั้งปวงนี้เดินมาทางไหน” เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวผู้เป็นสามีตอบว่า “ข้าพเจ้าเดินมาทางตะพานทิพย์ตะพานแสง”
เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าสาวผู้เป็นภรรยาตอบว่า “ข้าพเจ้าเดินมาทางตะพานเงินตะพานทอง”
ครั้นตอบดังนี้แล้ว ผู้ปิดกั้นประตูจึงยอมเปิดทางให้ผ่าน เฒ่าแก่และฝ่ายเจ้าบ่าวพร้อมเครื่องขันหมาก จึงเข้าไป ในเรือนหรือบ้านของฝ่ายหญิง ทันใดนั้นก็มีการลั่นฆ้องสามลา (ถ้ามี) เป็นฤกษ์ขันหมาถึงเรือนหอ หรือบางที ไม่มีการลั่นฆ้อง ฝ่ายพ่อแม่เจ้าสาว ก็จะออกมาต้อนรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น